พิพิธภัณฑ์บ้านเชียง จัดแสดงบริเวณชั้น ๒ และชั้น ๓ ของศิลปาคารจุมภฏ-พันธุ์ทิพย์ เพื่อส่งเสริมความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรม และโบราณคดีในยุคอารยธรรมบ้านเชียง โบราณวัตถุที่นำมาจัดแสดง มีอายุประมาณ ๔,๐๐๐ ปี ได้แก่ ภาชนะดินเผา ลายเขียนสี ลายงู ภาชนะดินเผาลายเชือกทาบ ขวานสำริด ใบหอกสำริด ห่วงคอสำริด กำไลหิน ลูกปัดแก้ว ความสำคัญ มรดกวัฒนธรรมบ้านเชียง แสดงถึงพัฒนาการทางสังคมและความเจริญทางเทคโนโลยีของชุมชน หมู่บ้านเกษตรกรรมสมัยก่อนประวัติศาสตร์ที่มีความต่อเนื่องยาวนานเกือบ ๔,๐๐๐ ปี ตั้งแต่สมัยหินใหม่ จนถึง วัฒนธรรมการใช้สำริดและเหล็ก นับเป็นวัฒนธรรมก่อนประวัติศาสตร์ที่มีความต่อเนื่อง และให้ข้อมูลที่สมบูรณ์ ที่สุดของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โครงกระดูกมนุษย์ เครื่องประดับ และภาชนะที่พบในหลุมศพ แสดงให้เห็นถึงขั้นตอนพัฒนาการที่ซับซ้อนขึ้นของประเพณี คติ ความเชื่อ และโครงสร้างทางสังคม ซากกระดูกสัตว์และเมล็ดพันธุ์พืช โดยเฉพาะข้าว บ่งบอกพัฒนาการของแบบแผนการดำรงชีวิต และความก้าวหน้าทางเกษตรกรรม ภาชนะดินเผา เครื่องมือ และเครื่องประดับที่ทำจากสำริด เหล็ก และแก้ว แสดงถึงความก้าวหน้า ทางเทคโนโลยี เครือข่ายทางการค้า และการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมกับชุมชนภายนอกที่ห่างไกลออกไป ความต่อเนื่องของวัฒนธรรมบ้านเชียงเป็นผลมาจากความสามารถในการปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อม แบบที่ราบลุ่มและป่าที่ล้อมรอบ การใช้ประโยชน์ และการดัดแปลงสภาพแวดล้อม อันนำไปสู่วัฒนธรรม การเพาะปลูกข้าวที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และการพัฒนาเทคโนโลยีโลหกรรม ทั้งการหล่อสำริด และเหล็กที่ก้าวหน้าไม่น้อยไปกว่าแหล่งโบราณคดีอื่นๆ ของโลก ประการสำคัญ มรดกวัฒนธรรมบ้านเชียงได้ยืนยันความรู้ใหม่เกี่ยวกับพัฒนาการของอดีตของมนุษยชาติในด้านหนึ่ง กล่าวคือ การดำรงอยู่อย่างกว้างขวางของเทคโนโลยีโลหกรรมในชุมชนหมู่บ้านเกษตรกรรมสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ในบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยมาประมาณไม่น้อยกว่า ๔,๐๐๐ ปีมาแล้ว
พิพิธภัณฑ์บ้านเชียง จัดแสดงบริเวณชั้น ๒ และชั้น ๓ ของศิลปาคารจุมภฏ-พันธุ์ทิพย์ เพื่อส่งเสริมความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรม และโบราณคดีในยุคอารยธรรมบ้านเชียง โบราณวัตถุที่นำมาจัดแสดง มีอายุประมาณ ๔,๐๐๐ ปี ได้แก่ ภาชนะดินเผา ลายเขียนสี ลายงู ภาชนะดินเผาลายเชือกทาบ ขวานสำริด ใบหอกสำริด ห่วงคอสำริด กำไลหิน ลูกปัดแก้ว
ความสำคัญ มรดกวัฒนธรรมบ้านเชียง แสดงถึงพัฒนาการทางสังคมและความเจริญทางเทคโนโลยีของชุมชน หมู่บ้านเกษตรกรรมสมัยก่อนประวัติศาสตร์ที่มีความต่อเนื่องยาวนานเกือบ ๔,๐๐๐ ปี ตั้งแต่สมัยหินใหม่ จนถึง วัฒนธรรมการใช้สำริดและเหล็ก นับเป็นวัฒนธรรมก่อนประวัติศาสตร์ที่มีความต่อเนื่อง และให้ข้อมูลที่สมบูรณ์ ที่สุดของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โครงกระดูกมนุษย์ เครื่องประดับ และภาชนะที่พบในหลุมศพ แสดงให้เห็นถึงขั้นตอนพัฒนาการที่ซับซ้อนขึ้นของประเพณี คติ ความเชื่อ และโครงสร้างทางสังคม ซากกระดูกสัตว์และเมล็ดพันธุ์พืช โดยเฉพาะข้าว บ่งบอกพัฒนาการของแบบแผนการดำรงชีวิต และความก้าวหน้าทางเกษตรกรรม ภาชนะดินเผา เครื่องมือ และเครื่องประดับที่ทำจากสำริด เหล็ก และแก้ว แสดงถึงความก้าวหน้า ทางเทคโนโลยี เครือข่ายทางการค้า และการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมกับชุมชนภายนอกที่ห่างไกลออกไป ความต่อเนื่องของวัฒนธรรมบ้านเชียงเป็นผลมาจากความสามารถในการปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อม แบบที่ราบลุ่มและป่าที่ล้อมรอบ การใช้ประโยชน์ และการดัดแปลงสภาพแวดล้อม อันนำไปสู่วัฒนธรรม การเพาะปลูกข้าวที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และการพัฒนาเทคโนโลยีโลหกรรม ทั้งการหล่อสำริด และเหล็กที่ก้าวหน้าไม่น้อยไปกว่าแหล่งโบราณคดีอื่นๆ ของโลก ประการสำคัญ มรดกวัฒนธรรมบ้านเชียงได้ยืนยันความรู้ใหม่เกี่ยวกับพัฒนาการของอดีตของมนุษยชาติในด้านหนึ่ง กล่าวคือ การดำรงอยู่อย่างกว้างขวางของเทคโนโลยีโลหกรรมในชุมชนหมู่บ้านเกษตรกรรมสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ในบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยมาประมาณไม่น้อยกว่า ๔,๐๐๐ ปีมาแล้ว
หน้าแรก | ประวัติ | เรือนไทย ๘ หลัง | พิพิธภัณฑ์บ้านเชียง | ห้องศิลปนิทรรศมารศี | หอเขียนลายรดน้ำ | เรือพระที่นั่งเก้ากึ่งพยาม ข่าวประชาสัมพันธ์ | สมัครสมาชิก | แผนที่ | กระดานถาม-ตอบ | สมุดเยี่ยม | ส่งการ์ด | English Version